[Ori-Fic]The Janissary- บทนำ+Chapter 1 โชคชะตา
4 posters
หน้า 1 จาก 1
[Ori-Fic]The Janissary- บทนำ+Chapter 1 โชคชะตา
บทนำ
ในปีค.ศ.1615 หลังจากที่โชกุนโตกุงาวะ อิเอยะสุ ได้บุกทะลวงเมืองโอซาก้าที่อันเป็นที่มั่นของตระกูลโทโยโตมิซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านกลุ่มสุดท้าย
ต่ออำนาจของเขาในญี่ปุ่น ลูกหลานของโทโยโตมิ ฮิเดโยชิผู้นำคนสุดท้ายของตระกูลถูกกำจัดจนหมดเพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามอีกต่อไป และคงเป็น
เช่นนั้นจริงๆ หากไม่รวมไปถึงลูกสาวลับๆของฮิเดโยชิซึ่งอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งอันห่างไกลจากผู้คน
ในหมู่บ้านแห่งนี้เต็มไปด้วยความสงบสุขแม้จะอยู่ในกลียุคแห่งไฟสงครามก็ตาม ทุกคนต่างก็หวังว่าให้ช่วงเวลานี้อยู่ไปอีกนานเท่านาน
แต่ความจริงนั้นช่างโหดร้าย หลังจากที่โชกุนคนใหม่ โตกุงาวะ ฮิเดทาตะ ผู้เป็นลูกได้ทราบเรื่องจึงได้พยายามที่จะกำจัดหญิงสาวผู้นั้นไม่ให้รอด
แม้ว่าตัวเธอนั้นไม่มีความประสงค์ที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องสงคราม อำนาจ หรือทรัพย์สินก็ตาม
ทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลงอย่างง่ายดายดั่งที่โชกุนคาดการณ์ไว้
หากไม่ใช่เพราะการพบกับคนผู้หนึ่งของสาวน้อยที่จะทำให้โชคชะตาของเธอเปลี่ยนไป................
Livingdead One- Lucky Star
- birth : 30/08/1988
Placement : ณ ทะเลทรายอันกว้างใหญ่
Re: [Ori-Fic]The Janissary- บทนำ+Chapter 1 โชคชะตา
บทที่ 1 โชคชะตา
ชายผู้หนึ่งได้ตื่นจากฝัน
ฝันร้ายที่ผ่านพ้นไป
แต่ใจยังคงตราไว้ไม่ลืม
เขามองโดยรอบอย่างุนงง ด้วยสถานที่ต่อหน้าอันไม่คุ้นเคยต่อคนอย่างเขา มันเป็นห้องพักที่กว้างใหญ่
และดูโล่งจนเห็นได้ชัด ด้านข้างมีประตูแปลกตาที่ไม่เหมือนกับประตูที่บ้านเกิดของเขา แน่นอน ที่นี่คือญี่ปุ่น
ญี่ปุ่น ปีคันเอย์ที่ 1 (ค.ศ.1624)
หลังการล่มสลายของตระกูลโทโยโตมิ 9 ปี
เขาเริ่มมองหาของบางอย่างซึ่งเป็นของที่เขาพกติดตัวมา แต่ก็ไม่พบ
ในขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นเพื่อเดินดูรอบๆ ประตูด้านหนึ่งก็ได้เปิดขึ้น
“ ท่านลุง มาดูนี่เร็ว! เค้าฟื้นแล้ว มาเร็วสิ! ”
(แต่เขาไม่รู้ว่าเธอนี่พูดว่าอะไรในตอนนั้นเพราะฟังญี่ปุ่นไม่ออก)
หญิงสาวคนนึง เรียกคนรับใช้ของเธออย่างสนิทสนม คนรับใช้คนนั้นเป็นตาลุงแก่ๆคนหนึ่งรูปร่างสมส่วนดูแข็งแรง
จึงน่าจะไม่ได้มีหน้าที่รับใช้เรื่องทั่วไปเพียงอย่างเดียว ส่วนเธอมีรูปร่างเล็กดูบอบบางและท่าทางร่าเริงตลอดเวลา และชายชราได้เอ่ยว่า
“อ้าว ฟื้นแล้วเรอะ มาๆนั่งลงก่อน ไม่ต้องรีบร้อนไปไหนน่า... ”
แม้จะกล่าวอย่างอบอุ่นและเป็นมิตร แต่ชายแปลกหน้าก็มิคลายความหวาดระแวงต่อกลุ่มคนที่อยู่ต่อหน้า
“พวกข้าเจอเจ้าสลบอยู่ที่ชายหาดแถวๆหลังหมู่บ้านแนะ ดีนะที่คุณหนูใจดี รบเร้าให้พากลับมาให้ได้น่ะ”
แต่ถึงอย่างนั้นคำตอบที่ได้ก็ไม่ทำให้ชายหนุ่มคลายท่าทีระแวดระวัง
ด้วยเหตุที่ว่าเขาฟังภาษาที่ผู้เป็นบ่าวแห่งเรือนนี้ใช้ไม่ออกนั่นเอง(ฟังไม่รู้เรื่องว้อย!)
แล้วจู่ๆผู้เป็นนายก็นึกขึ้นได้ว่าอาจมีบางสิ่งที่ทำให้แปลกหน้าฉุนเฉียวมากกว่าที่ควรจะเป็นออก
และบอกแก้คนทั้งสองที่อยู่ต่อหน้าด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาว่า
“ เจ้าไม่เป็นไรแล้วละ มา! เดี๋ยวข้าไปทำข้าวต้มให้เจ้ากินนะ ^_^ ”
“เด๋วก่อนสิขอรับ! ข้าไปทำเองก็ด้าย ท่านเป็นนายต้องอยู่เฉยๆสิขอร๊าบบบบคุณหนูนนนน...”
ยังไม่ทันจะพล่ามจบ สาวน้อยก็บึ่งไปข้างนอกก่อนที่คนรับใช้จะห้ามทันซะแล้ว
ชายแปลกถิ่นได้แต่ทำหน้าที่เต็มไปด้วหนวดเคราแบบงุนงงกับอากัปกิริยาของสองนายบ่าวคู่นี้อย่างช่วยไม่ได้ -_-“a
ข้าวต้มชามใหญ่ดูน่ากินส่งควันหอมฉุยพร้อมกับจำนวนหนึ่ง อยู่บนโต๊ะข้างๆชายคนนั้น
เขารีบกิน(ซัด)อย่างรวดเร็วอันบ่งบอกได้ว่าเค้าไม่ได้กินอาไรเป็นเวลานานแล้ว
จนชายสูงอายุที่อยู่ข้างๆทนดูความไร้มารยาทของคนที่อยู่ต่อหน้าไม่ไหว
“เฮ้ย...ไม่ต้องรีบกินขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวติดคอตายขึ้นมาเป็นเรื่องอีก”
“ไม่เป็นไรหรอกท่านลุง เค้าคงหิวมากๆเลยเป็นแบบนั้นละนะ ว่าแต่ว่าท่านพอจะรู้ไหมว่าเค้ามาจากไหนไหม?”
“ดูจากการแต่งกายน่าจะเป็นคนจากแผ่นดินใหญ่(จีน) แต่ข้ายังสงสัยอยู่อย่างนึง?”
“ทำไมรึเจ้าคะ? ”
“ลักษณะหน้าตาไม่เหมือนกันคนแผ่นดินใหญ่ที่ข้าเคยเห็น และที่สำคัญยังโผกผ้าสีแดงรอบหัวอีก
ข้าคิดว่าคงต้องให้ท่านหมอคาไซมาช่วยถามเขาแล้วละ ท่านเคยเป็นพ่อค้าค้าขายกับคนที่นั่น
น่าจะได้อะไรซักอย่างบ้างละ อ้าวจะไปไหนขอรับ! คุณหนู คุณหนูนนนนนนนนน...............”
(โดนตัดหน้าอีกแล้ว -_-“)
Livingdead One- Lucky Star
- birth : 30/08/1988
Placement : ณ ทะเลทรายอันกว้างใหญ่
Re: [Ori-Fic]The Janissary- บทนำ+Chapter 1 โชคชะตา
สักพักหมอสูงอายุคนนึงก็มาถึงและได้ถามตามที่บอกกับชายคนนั้น
แล้วก็ได้หันมาบอกกับสองนายบ่าวตามที่เขาเข้าใจ
“เขาบอกว่าเขาเป็นลูกเรือของสำเภาจีนที่มาค้าขายกับเมืองหลวง(เกียวโต)นะขอรับ ”
“แล้วทำไมถึงมาอยู่หลังหมู่บ้านได้ละ?” ผู้เป็นบ่าวสงสัย ก่อนที่หมอคาไซจะถามให้อีกครั้ง
“เขาบอกว่าเรือของเขาถูกพายุกระหน่ำก่อนจะถึงฝั่งนะขอรับ”
หมอชราตอบ ก่อนถึงคราวสาวน้อยผู้เป็นเจ้าของบ้านสงสัยบ้าง
“ นี่ๆท่านลุงคาไซ พอจะรู้ไหมว่าเขาเป็นคนที่ไหนนะ
เห็นตอนที่ข้าเจอเค้าเขาโพกผ้าแปลกๆบนหัวดัวยละ ”
“งั้นถ้าให้ข้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นชาวตะวันตกที่อยู่ในทะเลทรายติดกับแผ่นดินใหญ่
หรือที่คนจีนเรียกว่า “ชาวประจิม” นั่นแหละ ”
“ทำไมท่านรู้มากจัง(นะเจ้าคะ)? ”
“ข้าเองก็เคยเจอคนแบบนี้มาพอสมควร เพราะคนพวกนี้จะขนสินค้าจากตะวันตกไกลที่พวกเรือ
ฝรั่งไม่ขนมาขายและของพื้นเมืองแถบนั้น ซึ่งก็รวมถึงยาหลายขนานที่ข้าต้องการเหมือนกัน
งั้นเอางี้ เดี๋ยวข้าจะถามให้ว่าเขามาจากไหน ”
สักพัก หมอผู้เป็นล่ามก็ถามตามที่บอกไว้
“เป็นไงบ้างละท่าน ตกลงเขามาจากไหนกัน? (คุณหนูตัวยุ่งจะได้ไม่ถามอีก) ”
“เขาบอกว่ามาจากจักรวรรดิอ๊อตโตมาน (ตุรกีปัจจุบัน) จากเท่าที่ข้าได้ยิน
มันเป็นอาณาจักรที่ไกลมากถัดจากเปอร์เซีย(อิหร่าน)ที่อยู่ติดกับแผ่นดินใหญ่นะขอรับ ”
หลังจากทราบคำตอบ บ่าวสูงวัยก็รายงานแกมเหน็ดแหนมผู้ป็นนาย
“เป็นไงละ สมใจอยากละยังล่ะ(ขอรับ) คุณหนู ”
“(ยังหรอกยะ) แล้วเค้าชื่ออะไรอ่ะ? คุยตั้งนานยังไม่ได้ถามชื่อเลย ”
แล้วคาไซกับชายต่างถิ่นก็ได้ถามไถ่ด้วยภาษาที่เข้าใจกัน แต่ทั้งคู่นั้นฟังไม่ออก
“ชื่อ ซาอิฟุ อะรุ- ซารานิคิ (ซาอิฟ อัล- ซาลานิคกี)ขอรับ ”
ด้วยนามที่แปลกประหลาดสำหรับผู้คนแถบนี้ ทำให้นายหญิงเก็บความสนใจกับคนผู้นี้ไม่ไหว
กล่าวต่ออย่างสนิทสนมแม้ว่าเขาจะฟังไม่ออกแม้แต่คำเดียวก็ตาม
“ยาวจัง งั้นเรียกเจ้าว่า ซาอิ ละกันนะ โน่นชื่อ โซจิโร่ ส่วนข้าชื่อ เร็นโกะ - ทากาฮามะ เร็นโกะ
ลองพูดดูซิ เ-ร็-น-โ-กะ ”
“รัน-เคาะ (พูดไม่ได้ง่า) ”
*ภาษาตระกูลอาหรับออกเสียงญี่ปุ่นใกล้เคียงได้แค่ อะ-อา , อิ-อี และ อุ-อู
ส่วน เอะ กับ โอะ แขกงงรับประทานอย่างเดียวละครับ*
สักพักเหมือนกับซาอินึกอะไรขึ้นออกบางอย่างได้และพูดด้วยท่าทางรีบร้อน
“@#!$@$%^&%#@?! @#$%!!! ”
“เขาถามท่านเอาของๆเค้าไปไว้ที่ไหน เอาคืนมาด้วย ”
หมอเฒ่าแปลให้ฟัง และบ่าวชราก็ตอบต่อ
“ไม่ต้องโวยวายไปน่า เดี๋ยวไปเอามาให้(หวงของซะจริง) ”
โซจิโร่เดินออกไปซักพักแล้วกลับมาพร้อมข้าวของจำนวนหนึ่ง มันคือถุงผ้าเล็กๆห่อหนึ่ง ดาบ
และมีดสั้นรูปร่างแปลกตาอย่างละเล่ม ชายแก่ดึงมีดออกจากฝัก พินิจพิจารณา แล้วพูดอย่างประหลาดใจขึ้นมาว่า
“มีดของเจ้าหน้าตาประหลาดดีนะ เงางามมาก
แถมคดไปคดมาหยั่งกับงูอีกซะด้วยงั้นข้าขอดูดาบเจ้าด้วยละกัน
อืม.... ”
ดาบที่เขาเห็นนั้นมีลักษณะที่แตกต่างจากดาบญี่ปุ่นมาก คือ ใบดาบเรียวโค้ง
ตามแนวนิยมของช่างตีดาบในแถบนั้นแม้ว่าใบดาบจะกว้างกว่าปรกติทั่วไป แต่ต้องตื่นตะลึงเมื่อดึงมันออกจากฝัก
“นี่มัน....อะไรกันนี่!? “
ใบดาบที่มีเนื้อเหล็กสีแดงฉานราวกับมันได้สูบเลือดของเหยื่อที่ฟาดฟันมันคนแล้วคนเล่า
มีสิ่งที่คล้ายเส้นเลือดของมนุษย์นูนบนดาบ บางจุดมีรูเล็กๆราวกับขาดไป
ส่วนที่ไม่มีก็ปรากฏลวดลายบนเนื้อเหล็กเองซึ่งไม่ได้เกิดจากการตกแต่งแต่เป็นโดยตัวมันเอง
ลายเหล่านั้นเหมือนกับคลื่นน้ำในท้องสมุทร นอกจากนี้ยังปล่อยไอจิตสังหารและรังสีบางอย่างออกมาตลอด
ราวกับมีหัวใจจมในทะเลเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในดาบเล่มนั้น
“หรือว่านี่จะเป็น.... ”
“ท่านรู้จักดาบนี้ด้วยหรือ?”
เขาถามคาไซด้วยทั้งความตื่นตระหนกและสงสัยต่อสิ่งที่เห็นอยู่ต่อหน้า
“ก็ไม่เชิงหรอกขอรับ ข้าเองเคยได้ยินเรื่องเล่าอย่างนึง ว่ากันว่ามีเหล็กชนิดนึงที่ชาวประจิมได้
คิดค้นเพื่อสร้างศาตราวุธที่เหนือกว่าเหล็กธรรมดา ถึงกับว่าสามารถฟันหินได้ราวกับผัก และมี
ลวดลายคล้ายคลื่นในทะเล โดยพวกเขาได้เรียกมันว่า เหล็กนาวานคร(ดามัสกัส) ”
“เป็นอย่างนี้เองหรอกรึ ”
คำตอบของหมอเฒ่าผู้เคยผจญโลกกว้างทำให้พ่อบ้านสูงวัยคลายความตกใจลงบ้าง
“แต่ข้ายังค้างคาใจอยู่อย่างหนึ่ง ”
“มีอันใดรึ ท่านหมอ?”
“ตามปรกติเค้าว่าเนื้อของเหล็กชนิดนี้จะเป็นสีฟ้าไม่เช่นนั้นก็เป็นเขียวดั่งน้ำทะเล
แต่กับดาบเล่มนี้กลับเป็นสีแดงสดข้าพิศวงกับมันมากนักจริงๆ ”
“สงสัยมันคงเป็นมุรามะสะ*ของที่โน่นละมั่ง ฮ่ะๆ”
(* ดาบต้องสาปที่ว่ากันว่ากระหายเลือดจนครอบงำให้เจ้าของบ้าคลั่งการฆ่าคน)
โซ่จิโร่พูดก่อนหัวเราะเบาๆเพื่อลบความกลัวในใจ
ระหว่างที่สองผู้เฒ่ากำลังถกกันเรื่องของอาวุธอย่างออกรสออกอารมณ์นั้น
เร็นโกะก็หยิบถุงเล็กๆใบนึงที่อยู่ในกองสัมภาระของซาอิมาดู
เธอเขย่าแล้วเปิดดูอย่างสงสัย สื่งที่อยู่ในนั้นเป็นเหมือนชิ้นส่วนของอะไรบางอย่าง
มันเป็นทองคำรูปร่างคล้ายใบหอกที่หักลงแต่ไม่มีคม
มีทับทิมสีแดงเปล่งประกายและมีลวดลายคล้ายตัวหนังสือแกะประดับอยู่
“ท่านลุง ท่านหมอคาไซ มาดูอะไรนี่สิ มันสว.......... ”
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้น ซาอิพุ่งเข้าใส่เร็นโกะอย่างแรง เขาพยายามแย่งสิ่งที่อยู่ในมือสาวน้อยคนนั้น
“คุณหนู!!!! แก๊!! คิดจะทำอะไรคุณหนู ห๊า!!!! ”
โซจิโร่ชกหน้าของชายแปลกหน้าเต็มเหนี่ยวจนซาอิกระเด็นถลาไป
แล้วกดคอล๊อคมือไม่ให้กลับไปทำอันตรายผู้เป็นนายได้อีก
“ท่านลุงปล่อยเค้าไปเถอะ ข้าไม่เป็นไรหรอก ”
“แต่มัน....”
หญิงสาวไม่ฟังคำทัดทานของผู้ป็นบ่าวเดินตรงมายังซาอิ แล้วก็ยื่นถุงใบนั้นคืนให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ
“เอานี่จะ ท่าทางจะเป็นของสำคัญต่อเจ้ามากเลยสินะ ^_^ ”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและยิ้มอย่างเป็นมิตรต่อชาวต่างแดน
แม้ผมเผ้าหนวดเคราจะรุงรังแต่ก็สามารถเห็นสีหน้าที่ตกตะลึงกับท่าทีของเจ้าบ้าน
เขาดูคลายความหวาดระแวงลงแล้วพ่อบ้านก็ค่อยๆปล่อย ความสงบจึงกลับมายังที่แห่งนั้นอีกครั้ง
แล้วก็ได้หันมาบอกกับสองนายบ่าวตามที่เขาเข้าใจ
“เขาบอกว่าเขาเป็นลูกเรือของสำเภาจีนที่มาค้าขายกับเมืองหลวง(เกียวโต)นะขอรับ ”
“แล้วทำไมถึงมาอยู่หลังหมู่บ้านได้ละ?” ผู้เป็นบ่าวสงสัย ก่อนที่หมอคาไซจะถามให้อีกครั้ง
“เขาบอกว่าเรือของเขาถูกพายุกระหน่ำก่อนจะถึงฝั่งนะขอรับ”
หมอชราตอบ ก่อนถึงคราวสาวน้อยผู้เป็นเจ้าของบ้านสงสัยบ้าง
“ นี่ๆท่านลุงคาไซ พอจะรู้ไหมว่าเขาเป็นคนที่ไหนนะ
เห็นตอนที่ข้าเจอเค้าเขาโพกผ้าแปลกๆบนหัวดัวยละ ”
“งั้นถ้าให้ข้าเดาไม่ผิดน่าจะเป็นชาวตะวันตกที่อยู่ในทะเลทรายติดกับแผ่นดินใหญ่
หรือที่คนจีนเรียกว่า “ชาวประจิม” นั่นแหละ ”
“ทำไมท่านรู้มากจัง(นะเจ้าคะ)? ”
“ข้าเองก็เคยเจอคนแบบนี้มาพอสมควร เพราะคนพวกนี้จะขนสินค้าจากตะวันตกไกลที่พวกเรือ
ฝรั่งไม่ขนมาขายและของพื้นเมืองแถบนั้น ซึ่งก็รวมถึงยาหลายขนานที่ข้าต้องการเหมือนกัน
งั้นเอางี้ เดี๋ยวข้าจะถามให้ว่าเขามาจากไหน ”
สักพัก หมอผู้เป็นล่ามก็ถามตามที่บอกไว้
“เป็นไงบ้างละท่าน ตกลงเขามาจากไหนกัน? (คุณหนูตัวยุ่งจะได้ไม่ถามอีก) ”
“เขาบอกว่ามาจากจักรวรรดิอ๊อตโตมาน (ตุรกีปัจจุบัน) จากเท่าที่ข้าได้ยิน
มันเป็นอาณาจักรที่ไกลมากถัดจากเปอร์เซีย(อิหร่าน)ที่อยู่ติดกับแผ่นดินใหญ่นะขอรับ ”
หลังจากทราบคำตอบ บ่าวสูงวัยก็รายงานแกมเหน็ดแหนมผู้ป็นนาย
“เป็นไงละ สมใจอยากละยังล่ะ(ขอรับ) คุณหนู ”
“(ยังหรอกยะ) แล้วเค้าชื่ออะไรอ่ะ? คุยตั้งนานยังไม่ได้ถามชื่อเลย ”
แล้วคาไซกับชายต่างถิ่นก็ได้ถามไถ่ด้วยภาษาที่เข้าใจกัน แต่ทั้งคู่นั้นฟังไม่ออก
“ชื่อ ซาอิฟุ อะรุ- ซารานิคิ (ซาอิฟ อัล- ซาลานิคกี)ขอรับ ”
ด้วยนามที่แปลกประหลาดสำหรับผู้คนแถบนี้ ทำให้นายหญิงเก็บความสนใจกับคนผู้นี้ไม่ไหว
กล่าวต่ออย่างสนิทสนมแม้ว่าเขาจะฟังไม่ออกแม้แต่คำเดียวก็ตาม
“ยาวจัง งั้นเรียกเจ้าว่า ซาอิ ละกันนะ โน่นชื่อ โซจิโร่ ส่วนข้าชื่อ เร็นโกะ - ทากาฮามะ เร็นโกะ
ลองพูดดูซิ เ-ร็-น-โ-กะ ”
“รัน-เคาะ (พูดไม่ได้ง่า) ”
*ภาษาตระกูลอาหรับออกเสียงญี่ปุ่นใกล้เคียงได้แค่ อะ-อา , อิ-อี และ อุ-อู
ส่วน เอะ กับ โอะ แขกงงรับประทานอย่างเดียวละครับ*
สักพักเหมือนกับซาอินึกอะไรขึ้นออกบางอย่างได้และพูดด้วยท่าทางรีบร้อน
“@#!$@$%^&%#@?! @#$%!!! ”
“เขาถามท่านเอาของๆเค้าไปไว้ที่ไหน เอาคืนมาด้วย ”
หมอเฒ่าแปลให้ฟัง และบ่าวชราก็ตอบต่อ
“ไม่ต้องโวยวายไปน่า เดี๋ยวไปเอามาให้(หวงของซะจริง) ”
โซจิโร่เดินออกไปซักพักแล้วกลับมาพร้อมข้าวของจำนวนหนึ่ง มันคือถุงผ้าเล็กๆห่อหนึ่ง ดาบ
และมีดสั้นรูปร่างแปลกตาอย่างละเล่ม ชายแก่ดึงมีดออกจากฝัก พินิจพิจารณา แล้วพูดอย่างประหลาดใจขึ้นมาว่า
“มีดของเจ้าหน้าตาประหลาดดีนะ เงางามมาก
แถมคดไปคดมาหยั่งกับงูอีกซะด้วยงั้นข้าขอดูดาบเจ้าด้วยละกัน
อืม.... ”
ดาบที่เขาเห็นนั้นมีลักษณะที่แตกต่างจากดาบญี่ปุ่นมาก คือ ใบดาบเรียวโค้ง
ตามแนวนิยมของช่างตีดาบในแถบนั้นแม้ว่าใบดาบจะกว้างกว่าปรกติทั่วไป แต่ต้องตื่นตะลึงเมื่อดึงมันออกจากฝัก
“นี่มัน....อะไรกันนี่!? “
ใบดาบที่มีเนื้อเหล็กสีแดงฉานราวกับมันได้สูบเลือดของเหยื่อที่ฟาดฟันมันคนแล้วคนเล่า
มีสิ่งที่คล้ายเส้นเลือดของมนุษย์นูนบนดาบ บางจุดมีรูเล็กๆราวกับขาดไป
ส่วนที่ไม่มีก็ปรากฏลวดลายบนเนื้อเหล็กเองซึ่งไม่ได้เกิดจากการตกแต่งแต่เป็นโดยตัวมันเอง
ลายเหล่านั้นเหมือนกับคลื่นน้ำในท้องสมุทร นอกจากนี้ยังปล่อยไอจิตสังหารและรังสีบางอย่างออกมาตลอด
ราวกับมีหัวใจจมในทะเลเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในดาบเล่มนั้น
“หรือว่านี่จะเป็น.... ”
“ท่านรู้จักดาบนี้ด้วยหรือ?”
เขาถามคาไซด้วยทั้งความตื่นตระหนกและสงสัยต่อสิ่งที่เห็นอยู่ต่อหน้า
“ก็ไม่เชิงหรอกขอรับ ข้าเองเคยได้ยินเรื่องเล่าอย่างนึง ว่ากันว่ามีเหล็กชนิดนึงที่ชาวประจิมได้
คิดค้นเพื่อสร้างศาตราวุธที่เหนือกว่าเหล็กธรรมดา ถึงกับว่าสามารถฟันหินได้ราวกับผัก และมี
ลวดลายคล้ายคลื่นในทะเล โดยพวกเขาได้เรียกมันว่า เหล็กนาวานคร(ดามัสกัส) ”
“เป็นอย่างนี้เองหรอกรึ ”
คำตอบของหมอเฒ่าผู้เคยผจญโลกกว้างทำให้พ่อบ้านสูงวัยคลายความตกใจลงบ้าง
“แต่ข้ายังค้างคาใจอยู่อย่างหนึ่ง ”
“มีอันใดรึ ท่านหมอ?”
“ตามปรกติเค้าว่าเนื้อของเหล็กชนิดนี้จะเป็นสีฟ้าไม่เช่นนั้นก็เป็นเขียวดั่งน้ำทะเล
แต่กับดาบเล่มนี้กลับเป็นสีแดงสดข้าพิศวงกับมันมากนักจริงๆ ”
“สงสัยมันคงเป็นมุรามะสะ*ของที่โน่นละมั่ง ฮ่ะๆ”
(* ดาบต้องสาปที่ว่ากันว่ากระหายเลือดจนครอบงำให้เจ้าของบ้าคลั่งการฆ่าคน)
โซ่จิโร่พูดก่อนหัวเราะเบาๆเพื่อลบความกลัวในใจ
ระหว่างที่สองผู้เฒ่ากำลังถกกันเรื่องของอาวุธอย่างออกรสออกอารมณ์นั้น
เร็นโกะก็หยิบถุงเล็กๆใบนึงที่อยู่ในกองสัมภาระของซาอิมาดู
เธอเขย่าแล้วเปิดดูอย่างสงสัย สื่งที่อยู่ในนั้นเป็นเหมือนชิ้นส่วนของอะไรบางอย่าง
มันเป็นทองคำรูปร่างคล้ายใบหอกที่หักลงแต่ไม่มีคม
มีทับทิมสีแดงเปล่งประกายและมีลวดลายคล้ายตัวหนังสือแกะประดับอยู่
“ท่านลุง ท่านหมอคาไซ มาดูอะไรนี่สิ มันสว.......... ”
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้น ซาอิพุ่งเข้าใส่เร็นโกะอย่างแรง เขาพยายามแย่งสิ่งที่อยู่ในมือสาวน้อยคนนั้น
“คุณหนู!!!! แก๊!! คิดจะทำอะไรคุณหนู ห๊า!!!! ”
โซจิโร่ชกหน้าของชายแปลกหน้าเต็มเหนี่ยวจนซาอิกระเด็นถลาไป
แล้วกดคอล๊อคมือไม่ให้กลับไปทำอันตรายผู้เป็นนายได้อีก
“ท่านลุงปล่อยเค้าไปเถอะ ข้าไม่เป็นไรหรอก ”
“แต่มัน....”
หญิงสาวไม่ฟังคำทัดทานของผู้ป็นบ่าวเดินตรงมายังซาอิ แล้วก็ยื่นถุงใบนั้นคืนให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ
“เอานี่จะ ท่าทางจะเป็นของสำคัญต่อเจ้ามากเลยสินะ ^_^ ”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและยิ้มอย่างเป็นมิตรต่อชาวต่างแดน
แม้ผมเผ้าหนวดเคราจะรุงรังแต่ก็สามารถเห็นสีหน้าที่ตกตะลึงกับท่าทีของเจ้าบ้าน
เขาดูคลายความหวาดระแวงลงแล้วพ่อบ้านก็ค่อยๆปล่อย ความสงบจึงกลับมายังที่แห่งนั้นอีกครั้ง
แก้ไขล่าสุดโดย Livingdead One เมื่อ Tue 21 Apr 2009 - 12:11, ทั้งหมด 1 ครั้ง
Livingdead One- Lucky Star
- birth : 30/08/1988
Placement : ณ ทะเลทรายอันกว้างใหญ่
Re: [Ori-Fic]The Janissary- บทนำ+Chapter 1 โชคชะตา
“ทะเลนี่กว้างใหญ่จังเนอะ ว่าไหมซาอิ”
เร็นโกะพูดขณะเดินเล่นบนชายหาดอย่างสบายอารมณ์
ทั้งคู่ค่อยๆสนิทกันมากจนพ่อบ้านโซจิโร่วางใจได้ว่าจะไม่ทำอะไร
กับคุณหนูผู้สุดแสนจะอ่อนต่อโลกของตนแน่นอนแล้ว...
นับจากวันแรกที่ทั้งคู่ได้เจอกันก็เป็นเวลาผ่านมาครึ่งปี
ทั้งคู่มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอๆ
(ก็ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่เริ่มจะสื่ออาไรได้บ้างละ)
“ข้าอยากรู้จัง ว่าที่บ้านของซาอิที่อยู่อีกฝากนึงนี่จะเป็นยังไงน้า
ข้าคิดว่าหากข้าไปได้คงเป็นอะไรที่ดีสุดๆเลยละ ”
“เออออ...... ”
ในขณะที่เขายังไม่ทันจะพูดอะไรเป็นคำ สาวน้อยก็สะดุดเศษหินจนล้มลง
“ว๊ายยยยย!!! ”
โชคดีที่ชายหนุ่มคว้าตัวองค์หญิงสุดซุ่มซ่ามเอาไว้ทัน
ไม่งั้นถึงหล่นลงไปไม่เจ็บแต่ก็ลงไปคลุกฝุ่นคลุกทรายจนกลับไปคงโดนท่านลุงสวดยับแน่ๆ
“เป็นอะไรไหมขอรับ ท่านเร็นโกะ ”
“อูย ไม่เป็นไรหรอก เกือบไปแล้วไหมละ แต่เอะ!! เดี๋ยวดิ! เจ้าพูดได้แล้วหรอ!? ”
ได้ไม่ได้ก็พูดไปแล๊ว -_-a
“อืม ตั้งแต่ข้ามาอยู่ที่นี่ข้าก็ขอให้ท่านหมอคาไซช่วยสอนภาษาที่นี่ให้ข้าจนอย่างทึ่เห็นนี่ละ ”
“เก่งจัง ข้าก็นึกว่าชาติจะไม่ได้คุยกะเจ้าซะแล้วอะนะ^_^ ”
สาวน้อยผู้เป็นนายกล่าวชมพลางตรวจดูสภาพโดยรวมของตนเอง แล้วชายหนุ่มที่ติดตามด้วยก็เอ่ยต่อ
“เมื่อกี้ที่ข้าเรียกท่านเพราะข้าจะถามอะไรอย่างนึง แต่ไม่ทราบว่าข้าควรจะพูดดีไหม?”
“ไม่เป็นไรหรอกจะ ข้าไม่ว่าอะไรหรอก ”
เร็นโกะกล่าวอย่างไม่ถือตัว
“ขอเรียกท่านว่า รุน ได้ไหมขอรับ? (เพราะสำหรับข้าชื่อท่านเรียกยากซะจริงๆ)”
“รุน งั้นหรอ อืมม...... ก็ฟังดูน่ารักดีนะ งั้นเรียกอย่างนั้นก็ได้จะ (แล้วแต่สะดวก) ”
“ขอบพระคุณมากขอรับ”
ซาอิคุกเข่าลงไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่กลัวเลอะทรายที่ชุ่มช่ำด้วยฟองคลื่น
“ลุกขึ้นก่อนๆ ขาเละหมดแล้ว อ้อ และก็ไม่ต้องลงท้าย “ขอรับ” ตลอดเวลาก็ได้พูดธรรมดานี่ละ"
(แค่ท่านลุงก็ฟังจนเบื่อแล๊ว)
หลังจากนึกอะไรบางอย่างออกซักพักเร็นโกะก็เข้ามาใกล้ๆ มองดูหน้าซาอิ
มองไปมองมาจากทุกแง่ทุกมุมแล้วก็พูดขึ้นว่า
“ว่าแต่ที่บ้านเจ้าเขาไว้หนวดไว้เครา ไว้ผมยาวแบบนี่กันทุกคนเลยหรอ?”
“ป่าวหรอก ข้าลืมตัดมันนะ ”
“อ้าว อย่างงั้นหรอก ข้าว่าน๊าเจ้าก็คงหน้าตาใช้ได้เลยละ ข้าคิดว่าน่าจะลองไปให้ท่านลุงช่วยคิด
ว่าจะทำไงดีกับผมกะหนวดเจ้าดี อ๊ะ! อ้าว! เฮ้! เดี๋ยวสิ!”
ในขณะที่สาวน้อยคุยฟุ้งด้วยความเห็นของเธอ
ชายหนุ่มก็คว้ากริซที่พกมาด้วยตัดผมโกนหนวดโกนเคราซะมันตรงนั้นเลย
พอเสร็จแล้วก็หัวไปถามเธอว่า
“แล้วอย่างนี้ละ ใช้ได้ไหม?”
ภาพที่เร็นโกะเห็น คือชายหนุ่มใบหน้าคมคาย ผมสั้นหยักศกนิดๆ
ดวงตากลมโต ชนิดเรียกว่าเหนือความคาดหมายเจ้าตัวไว้เยอะเลยทีเดียว...
ทำเอานายหญิงของเรายืนอึ้งไปเลย
“นี่ท่านรุน เป็นอะไรไปนะ?”
“ข้าว่าข้าคงพูดผิดไปแล้วแฮะ นี่มัน... สุดยอดเลยอะ(จะหล่อเว่อร์เกินไปแล้วนะยะ O_o) ”
“สุดยอด.. อะไรสุดยอดล่ะท่าน? ”
“ป่ะ...ป่าว ไม่มีอาไร ฮ่ะๆ ” เร็นโกะพูดกลบเกลื่อน
ทั้งคู่ต่างยิ้มและหัวเราะด้วยกัน ต่างก็ไม่รู้ว่าช่วงเวลาแบบนี้จะมีวันหวนคืนกลับมาอีกหรือไม่
แต่จะไม่มีวันลืมมันเด็ดขาด
“กลับกันเถอะ พวกท่านลุงคงจะเตรียมข้าวกลางวันเสร๊จแล้วละ เขาว่าวันนี้ท่านลุงลงทุนเข้าครัว
เองด้วยละ ช้าหมดอดนะจ๊ะ ^_^”
เร็นโกะวิ่งนำหน้า ก่อนหันมาแลบลิ้นบอกราวๆว่าแน่จริงวิ่งให้ตามทันสิ
“คิดว่าข้าจะตามไม่ทันหรอ ข้าต่อให้ท่านไปถึงสุดนู้นแล้ววิ่งตามก็ยังได้เลย เอาละนะ!”
นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ทั้งคู่จะมีความเฉกเช่นวันนี้ หากว่าถัดไปจากนี้ความโหดร้ายของโชคชะตากำลังค่อยๆคืบคลานมาเรื่อย
ความสงบสุขกำลังจะหมดไป และไฟสงครามก็ได้มาเยือน ณ หมู่บ้านแห่งนี้อีกครั้ง...
เร็นโกะพูดขณะเดินเล่นบนชายหาดอย่างสบายอารมณ์
ทั้งคู่ค่อยๆสนิทกันมากจนพ่อบ้านโซจิโร่วางใจได้ว่าจะไม่ทำอะไร
กับคุณหนูผู้สุดแสนจะอ่อนต่อโลกของตนแน่นอนแล้ว...
นับจากวันแรกที่ทั้งคู่ได้เจอกันก็เป็นเวลาผ่านมาครึ่งปี
ทั้งคู่มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอๆ
(ก็ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง แต่เริ่มจะสื่ออาไรได้บ้างละ)
“ข้าอยากรู้จัง ว่าที่บ้านของซาอิที่อยู่อีกฝากนึงนี่จะเป็นยังไงน้า
ข้าคิดว่าหากข้าไปได้คงเป็นอะไรที่ดีสุดๆเลยละ ”
“เออออ...... ”
ในขณะที่เขายังไม่ทันจะพูดอะไรเป็นคำ สาวน้อยก็สะดุดเศษหินจนล้มลง
“ว๊ายยยยย!!! ”
โชคดีที่ชายหนุ่มคว้าตัวองค์หญิงสุดซุ่มซ่ามเอาไว้ทัน
ไม่งั้นถึงหล่นลงไปไม่เจ็บแต่ก็ลงไปคลุกฝุ่นคลุกทรายจนกลับไปคงโดนท่านลุงสวดยับแน่ๆ
“เป็นอะไรไหมขอรับ ท่านเร็นโกะ ”
“อูย ไม่เป็นไรหรอก เกือบไปแล้วไหมละ แต่เอะ!! เดี๋ยวดิ! เจ้าพูดได้แล้วหรอ!? ”
ได้ไม่ได้ก็พูดไปแล๊ว -_-a
“อืม ตั้งแต่ข้ามาอยู่ที่นี่ข้าก็ขอให้ท่านหมอคาไซช่วยสอนภาษาที่นี่ให้ข้าจนอย่างทึ่เห็นนี่ละ ”
“เก่งจัง ข้าก็นึกว่าชาติจะไม่ได้คุยกะเจ้าซะแล้วอะนะ^_^ ”
สาวน้อยผู้เป็นนายกล่าวชมพลางตรวจดูสภาพโดยรวมของตนเอง แล้วชายหนุ่มที่ติดตามด้วยก็เอ่ยต่อ
“เมื่อกี้ที่ข้าเรียกท่านเพราะข้าจะถามอะไรอย่างนึง แต่ไม่ทราบว่าข้าควรจะพูดดีไหม?”
“ไม่เป็นไรหรอกจะ ข้าไม่ว่าอะไรหรอก ”
เร็นโกะกล่าวอย่างไม่ถือตัว
“ขอเรียกท่านว่า รุน ได้ไหมขอรับ? (เพราะสำหรับข้าชื่อท่านเรียกยากซะจริงๆ)”
“รุน งั้นหรอ อืมม...... ก็ฟังดูน่ารักดีนะ งั้นเรียกอย่างนั้นก็ได้จะ (แล้วแต่สะดวก) ”
“ขอบพระคุณมากขอรับ”
ซาอิคุกเข่าลงไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่กลัวเลอะทรายที่ชุ่มช่ำด้วยฟองคลื่น
“ลุกขึ้นก่อนๆ ขาเละหมดแล้ว อ้อ และก็ไม่ต้องลงท้าย “ขอรับ” ตลอดเวลาก็ได้พูดธรรมดานี่ละ"
(แค่ท่านลุงก็ฟังจนเบื่อแล๊ว)
หลังจากนึกอะไรบางอย่างออกซักพักเร็นโกะก็เข้ามาใกล้ๆ มองดูหน้าซาอิ
มองไปมองมาจากทุกแง่ทุกมุมแล้วก็พูดขึ้นว่า
“ว่าแต่ที่บ้านเจ้าเขาไว้หนวดไว้เครา ไว้ผมยาวแบบนี่กันทุกคนเลยหรอ?”
“ป่าวหรอก ข้าลืมตัดมันนะ ”
“อ้าว อย่างงั้นหรอก ข้าว่าน๊าเจ้าก็คงหน้าตาใช้ได้เลยละ ข้าคิดว่าน่าจะลองไปให้ท่านลุงช่วยคิด
ว่าจะทำไงดีกับผมกะหนวดเจ้าดี อ๊ะ! อ้าว! เฮ้! เดี๋ยวสิ!”
ในขณะที่สาวน้อยคุยฟุ้งด้วยความเห็นของเธอ
ชายหนุ่มก็คว้ากริซที่พกมาด้วยตัดผมโกนหนวดโกนเคราซะมันตรงนั้นเลย
พอเสร็จแล้วก็หัวไปถามเธอว่า
“แล้วอย่างนี้ละ ใช้ได้ไหม?”
ภาพที่เร็นโกะเห็น คือชายหนุ่มใบหน้าคมคาย ผมสั้นหยักศกนิดๆ
ดวงตากลมโต ชนิดเรียกว่าเหนือความคาดหมายเจ้าตัวไว้เยอะเลยทีเดียว...
ทำเอานายหญิงของเรายืนอึ้งไปเลย
“นี่ท่านรุน เป็นอะไรไปนะ?”
“ข้าว่าข้าคงพูดผิดไปแล้วแฮะ นี่มัน... สุดยอดเลยอะ(จะหล่อเว่อร์เกินไปแล้วนะยะ O_o) ”
“สุดยอด.. อะไรสุดยอดล่ะท่าน? ”
“ป่ะ...ป่าว ไม่มีอาไร ฮ่ะๆ ” เร็นโกะพูดกลบเกลื่อน
ทั้งคู่ต่างยิ้มและหัวเราะด้วยกัน ต่างก็ไม่รู้ว่าช่วงเวลาแบบนี้จะมีวันหวนคืนกลับมาอีกหรือไม่
แต่จะไม่มีวันลืมมันเด็ดขาด
“กลับกันเถอะ พวกท่านลุงคงจะเตรียมข้าวกลางวันเสร๊จแล้วละ เขาว่าวันนี้ท่านลุงลงทุนเข้าครัว
เองด้วยละ ช้าหมดอดนะจ๊ะ ^_^”
เร็นโกะวิ่งนำหน้า ก่อนหันมาแลบลิ้นบอกราวๆว่าแน่จริงวิ่งให้ตามทันสิ
“คิดว่าข้าจะตามไม่ทันหรอ ข้าต่อให้ท่านไปถึงสุดนู้นแล้ววิ่งตามก็ยังได้เลย เอาละนะ!”
นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่ทั้งคู่จะมีความเฉกเช่นวันนี้ หากว่าถัดไปจากนี้ความโหดร้ายของโชคชะตากำลังค่อยๆคืบคลานมาเรื่อย
ความสงบสุขกำลังจะหมดไป และไฟสงครามก็ได้มาเยือน ณ หมู่บ้านแห่งนี้อีกครั้ง...
แก้ไขล่าสุดโดย Livingdead One เมื่อ Thu 30 Apr 2009 - 18:30, ทั้งหมด 2 ครั้ง
Livingdead One- Lucky Star
- birth : 30/08/1988
Placement : ณ ทะเลทรายอันกว้างใหญ่
Re: [Ori-Fic]The Janissary- บทนำ+Chapter 1 โชคชะตา
ไม่รู้ว่าคิดถูกไหมที่ลงที่นี่อะนะ
เห็นห้องShow Offเป็นงานรูปซะส่วนใหญ่ ไม่มีงานฟิคเลย
เลยเอาฟิคที่เคยลงไว้ที่เด็กดีมาลงที่นี่
เพราะไม่ได้เล่นบอร์ดที่โน่น(ไม่ค่อยไปที่โน่นซักเท่าไหร่)
ติชมกันตามสบายได้เลยจะนายจ๋า
ฮัดช่าห์!!!
เห็นห้องShow Offเป็นงานรูปซะส่วนใหญ่ ไม่มีงานฟิคเลย
เลยเอาฟิคที่เคยลงไว้ที่เด็กดีมาลงที่นี่
เพราะไม่ได้เล่นบอร์ดที่โน่น(ไม่ค่อยไปที่โน่นซักเท่าไหร่)
ติชมกันตามสบายได้เลยจะนายจ๋า
ฮัดช่าห์!!!
Livingdead One- Lucky Star
- birth : 30/08/1988
Placement : ณ ทะเลทรายอันกว้างใหญ่
Re: [Ori-Fic]The Janissary- บทนำ+Chapter 1 โชคชะตา
เจิมคนแรก
เรื่องน่าติดตามต่ออะ
แต่ทางที่ดีป้องกันถูกย้ายห้อง
น่าจะมีรูปประกอบนะ จะได้เข้ากับงานเขียนดีอะ
(น่าสนปะล่ะ ข้อเสนอนี้อะ รับพิจารณาด่วย)
เรื่องน่าติดตามต่ออะ
แต่ทางที่ดีป้องกันถูกย้ายห้อง
น่าจะมีรูปประกอบนะ จะได้เข้ากับงานเขียนดีอะ
(น่าสนปะล่ะ ข้อเสนอนี้อะ รับพิจารณาด่วย)
PoJeaWa LittleGirl- Shooting Star
- birth : 12/11/1990
Re: [Ori-Fic]The Janissary- บทนำ+Chapter 1 โชคชะตา
PoJeaWa LittleGirl พิมพ์ว่า:น่าจะมีรูปประกอบนะ จะได้เข้ากับงานเขียนดีอะ
รับพิจารณาแน่นอนงับ!!
แต่ปัญหาคือเกรงว่าจะสกิลไม่ถึงขั้นนะสิ...
(จะมีใครอาสาวาดไหมนี่ ตอนแรกๆยังง่ายๆหน่อยเพราะเรื่องเดินที่ญี่ปุ่น
แต่กลางๆเรื่องไปที่ตุรกี-ยุโรปโน่น หาผู้เชี่ยวชาญศิลปแนวนั้นยากด้วย)
ฮัดช่าห์!!!
Livingdead One- Lucky Star
- birth : 30/08/1988
Placement : ณ ทะเลทรายอันกว้างใหญ่
Re: [Ori-Fic]The Janissary- บทนำ+Chapter 1 โชคชะตา
เดี๋ยวเค้าวาดให้มั้ย ท่านลีฟ
ลองวาดคาแรคเตอร์ของตัวละครมาสิ
ถ้าเป็นภาพประกอบคงจะพอได้ล่ะ ให้มันเข้ากับบรรยากาศเรื่องอะนะ
(หุหุ ไม่ค่อยมีคนอ่านแนวนี้ซักเท่าไหร่เลยอะ แต่เราชอบนะ)
ลองวาดคาแรคเตอร์ของตัวละครมาสิ
ถ้าเป็นภาพประกอบคงจะพอได้ล่ะ ให้มันเข้ากับบรรยากาศเรื่องอะนะ
(หุหุ ไม่ค่อยมีคนอ่านแนวนี้ซักเท่าไหร่เลยอะ แต่เราชอบนะ)
PoJeaWa LittleGirl- Shooting Star
- birth : 12/11/1990
Re: [Ori-Fic]The Janissary- บทนำ+Chapter 1 โชคชะตา
ท่านลีฟ เดี๋ยวลองคุยกะหลายๆคนเรื่องภาพประกอบดีมะ
แบบว่าใครอยากวาดช่วงไหน อะไรยังไงในเรื่อง ดีมะ
จะได้พัฒนาฝีมือการวาดอิลาสไปในตัว
หุหุ
(รับพิจารณาอีกเรื่องนะเจ้า)
แบบว่าใครอยากวาดช่วงไหน อะไรยังไงในเรื่อง ดีมะ
จะได้พัฒนาฝีมือการวาดอิลาสไปในตัว
หุหุ
(รับพิจารณาอีกเรื่องนะเจ้า)
PoJeaWa LittleGirl- Shooting Star
- birth : 12/11/1990
Re: [Ori-Fic]The Janissary- บทนำ+Chapter 1 โชคชะตา
กำ!! หายไปท่อนนึงก่อนท่อนจบ!
ลองอ่านสองท่อนสุดท้ายใหม่นะจะนายจ๋า...
ลองอ่านสองท่อนสุดท้ายใหม่นะจะนายจ๋า...
ในขณะที่หมู่บ้านแห่งนี้มีความสุขอยู่นั้น
มีดวงตาของคนกลุ่มหนึ่งจับจ้องลงมาจากหุบเขา
สักพักหนึ่งในนั้นก็ได้กล่าวขึ้นมาว่า
“ใช่ที่นี่แน่เรอะ ที่ว่าเป้าหมายของเราอยู่นั่นนะ”
“ ก็เออสิ หน่วยข่าวของเราบอกมาว่าอย่างนี้ แล้วจะให้ทำยังไงละ”
“ ข้าว่ามันดูสงบเกินไปมั้ง ถ้ามีจริงๆมันต้องเตรียมตัวอะไรไว้บ้างแล้วละ”
“ อะโด่ อย่างงี้ก็ไม่ได้ลุยให้มันหน่ำใจดิ เสียเวลามาชิบ”
“ แล้วเอ็งจะมาทำไมวะ อยากลุยก็ไปที่อื่นเด้ เค้าจะทำมาหาแดร๊กกัน
เข้าใจไหมว่า มาเพื่อเงิน เงินนะเข้าใจไหม?”
“ แต่ข้าว่าเป้าหมายเราไม่ใช่ย่อยเลยน้า ไหนจะที่อยู่ข้างล่างอีกน่าฟันโคด ซู้ดดดด”
“ เฮ้ย เงียบๆหน่อย อีกอย่างเค้าให้เอาไปแบบสภาพอยู่ครบไม่บุบสลายนะเฟ้ย
ขืนทำงั้นนอกจากจะไม่ได้ซักแดงแถมเผลอๆหัวจะหลุดอีกตะหาก ”
“ เออๆ พอเหอะ นอกเรื่องใหญ่ละ กะอีแค่มาเอาคนๆเดียวมันจะอาไรกันนักหนาฟะ
ดีซะอีกง่ายๆแต่ได้อื้ออย่างงี้มีซะที่ไหน”
“แล้วจะรู้ได้ไงว่ามันอยู่ไอ้บ้านนอกข้างล่างจริงๆอะ ขืนไม่มีก็เสียเที่ยวฟรีพอดี”
“ เออ ตรูรำคาญแล้วเฟ้ย ลงไปถามมันเลยก็จบเรื่อง ใครขวางฆ่าม่างไม่ให้เหลือแล๊ว”
“ เออ จิงว่ะ (ทำไมพวกตรูคิดไม่ถึงกันวะ)”
เสียงฝีเท้าม้าดังกึกก้อง คนเหล่านั้นได้ลงไปหมู่บ้านแห่งนั้น แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
เป้าหมายของพวกเขาคือใคร เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร
คงมีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้..........................
มีดวงตาของคนกลุ่มหนึ่งจับจ้องลงมาจากหุบเขา
สักพักหนึ่งในนั้นก็ได้กล่าวขึ้นมาว่า
“ใช่ที่นี่แน่เรอะ ที่ว่าเป้าหมายของเราอยู่นั่นนะ”
“ ก็เออสิ หน่วยข่าวของเราบอกมาว่าอย่างนี้ แล้วจะให้ทำยังไงละ”
“ ข้าว่ามันดูสงบเกินไปมั้ง ถ้ามีจริงๆมันต้องเตรียมตัวอะไรไว้บ้างแล้วละ”
“ อะโด่ อย่างงี้ก็ไม่ได้ลุยให้มันหน่ำใจดิ เสียเวลามาชิบ”
“ แล้วเอ็งจะมาทำไมวะ อยากลุยก็ไปที่อื่นเด้ เค้าจะทำมาหาแดร๊กกัน
เข้าใจไหมว่า มาเพื่อเงิน เงินนะเข้าใจไหม?”
“ แต่ข้าว่าเป้าหมายเราไม่ใช่ย่อยเลยน้า ไหนจะที่อยู่ข้างล่างอีกน่าฟันโคด ซู้ดดดด”
“ เฮ้ย เงียบๆหน่อย อีกอย่างเค้าให้เอาไปแบบสภาพอยู่ครบไม่บุบสลายนะเฟ้ย
ขืนทำงั้นนอกจากจะไม่ได้ซักแดงแถมเผลอๆหัวจะหลุดอีกตะหาก ”
“ เออๆ พอเหอะ นอกเรื่องใหญ่ละ กะอีแค่มาเอาคนๆเดียวมันจะอาไรกันนักหนาฟะ
ดีซะอีกง่ายๆแต่ได้อื้ออย่างงี้มีซะที่ไหน”
“แล้วจะรู้ได้ไงว่ามันอยู่ไอ้บ้านนอกข้างล่างจริงๆอะ ขืนไม่มีก็เสียเที่ยวฟรีพอดี”
“ เออ ตรูรำคาญแล้วเฟ้ย ลงไปถามมันเลยก็จบเรื่อง ใครขวางฆ่าม่างไม่ให้เหลือแล๊ว”
“ เออ จิงว่ะ (ทำไมพวกตรูคิดไม่ถึงกันวะ)”
เสียงฝีเท้าม้าดังกึกก้อง คนเหล่านั้นได้ลงไปหมู่บ้านแห่งนั้น แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
เป้าหมายของพวกเขาคือใคร เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร
คงมีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้..........................
Livingdead One- Lucky Star
- birth : 30/08/1988
Placement : ณ ทะเลทรายอันกว้างใหญ่
Re: [Ori-Fic]The Janissary- บทนำ+Chapter 1 โชคชะตา
โห
อ่านก่อง
ขอเวลา นานๆเลย
อ่านก่อง
ขอเวลา นานๆเลย
Happiiloo_alfie- Shooting Star
- birth : 18/03/1989
Placement : ดินแดนแห่งพันธสัญญา
Similar topics
» End - Chapter 1: Demon Slayer
» [นอกรอบ]ภารกิจของมาสเตอร์CTS c@fe :: Chapter 1 ตะลุยบ้านผีฮาเฮ :: [Mew VS Leehyun] เทิร์นแรกลงแว้ว!!!
» CTS Clinic [เปิดให้บริการ] Chapter#2 My ladies...complete
» amatacartoon comic #25 update! "P & H Chapter 02" by AIR in summer
» [นอกรอบ]ภารกิจของมาสเตอร์CTS c@fe :: Chapter 1 ตะลุยบ้านผีฮาเฮ :: [Mew VS Leehyun] เทิร์นแรกลงแว้ว!!!
» CTS Clinic [เปิดให้บริการ] Chapter#2 My ladies...complete
» amatacartoon comic #25 update! "P & H Chapter 02" by AIR in summer
หน้า 1 จาก 1
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ